การทำกิ๊ฟท์(GIFT)
กิ๊ฟท์ (GIFT) คือ การนำเอาไข่และตัวอสุจิไปใส่ไว้ที่ท่อนำไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิหรือรวมตัวกันตามธรรมชาติ หลังจากนั้นหากไข่และอสุจิ
สามารถปฏิสนธิกันได้ก็จะมีการเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนและเดินทางมาฝังตัวในโพรงมดลูก และเกิดเป็นการตั้งครรภ์ในที่สุด ดังนั้น GIFT จึงเป็น
หนึ่งในวิธีการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้ค่อนข้างสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลาต่างๆ สำหรับการรักษามาก นอกจากนั้น อาจเกิด
ภาวะแทรกซ้อนได้อีกด้วยถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนน้อยก็ตาม
หลักการทำกิฟท์
คือการนำไข่และอสุจิมารวมกัน แล้วฉีดเข้าท่อนำไข่ โดยผ่านทางปลาย
ของท่อให้มีการปฏิสนธิ การแบ่งตัวของตัวอ่อนและการฝังตัวเกิดขึ้นเอง
ตามธรรมชาติ
ขั้นตอนการทำกิฟท์
1. การกระตุ้นรังไข่ จะเริ่มทำเมื่อมีรอบเดือนมาโดยให้ยากระตุ้น ซึ่ง
อาจเป็นชนิดรับประทาน ฉีด หรือพ่นเข้าจมูก และอื่นๆ โดยแพทย์จะ
พิจารณาเป็นรายๆ ไป ระยะที่ให้ยากระตุ้นรังไข่นั้น ส่วนมากนาน
ประมาณ 7 ถึง 10 วัน และสามารถตรวจดูการตอบสนองของรังไข่
ได้ด้วยการตรวจอัลตร้าซาวด์เป็นหลัก รวมทั้งการตรวจเลือดดูระดับ
ฮอร์โมนร่วมด้วย จนเมื่อได้ไข่ที่มีขนาดใหญ่จำนวนมากพอแล้วจะ
กระตุ้นการตกไข่โดยการฉีด hCG จนผ่านไปประมาณ 34-36 ชั่วโมง
ก็จะทำการเจาะไข่
2. การเจาะไข่ ทำได้โดยใช้เข็มเจาะถุงไข่แล้วดูดเอาไข่ภายในถุง
ออกมา วิธีที่นิยมในปัจจุบันมี 2 วิธีคือ
2.1 การเจาะผ่านทางผนังหน้าท้อง โดยการอาศัยกล้องตรวจ
ช่องท้อง ซึ่งสามารถเห็นรังไข่ได้ชัดเจน แล้วใช้เข็มเจาะดูด
ไข่โดยตรง
2.2 การเจาะผ่านผนังช่องคลอด โดยการอาศัยเครื่องอัลตร้า
ซาวด์ ซึ่งมีเข็มเจาะและดูดไข่ติดอยู่ที่หัวตรวจทางช่องคลอด
3. การย้ายเซลล์ไข่และอสุจิเข้าสู่ท่อนำไข่ ส่วนใหญ่มักใช้การส่องกล้อง
ทางหน้าท้อง (Laparoscopy) เป็นวิธีหลัก โดยไข่ที่ถูกเลือกไว้แล้ว
จะถูกดูดเข้ามาในสายยางที่ใช้สำหรับการย้ายเซลล์สืบพันธุ์เข้าท่อนำ
ไข่ รวมกับเชื้ออสุจิที่เตรียมไว้ สำหรับวิธีการอื่นๆ อาจทำโดยการผ่า
ตัดทางหน้าท้องเป็นแผลเล็กๆ แล้วนำท่อนำไข่ขึ้นมา จากนั้นจึงฉีด
ไข่และอสุจิที่เตรียมไว้เข้าท่อนำไข่โดยตรง แต่วิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมมาก
นักในปัจจุบัน
4. การให้ฮอร์โมนในระยะหลังการทำกิฟท์ โดยแพทย์จะให้ฮอร์โมนช่วย
ในการฝังตัวของตัวอ่อน
5. การทดสอบการตั้งครรภ์ โดยการตรวจระดับ hCG ในกระแสเลือด
ประมาณ 12 วันหลังจากการทำกิฟท์
สื่อเพื่อการเรียนรู้